วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

ซุปตาร์แคทวอล์คกับชีวิตคู่ที่ำไม่สมหวัง

ขอขอบคุณข้อมูล / Thank You 4 sharing      http://news.sanook.com


ซุปตาร์แคทวอล์คกับชีวิตคู่ที่ำไม่สมหวัง
ซุปตาร์แคทวอล์คกับชีวิตคู่ที่ำไม่สมหวัง

เริ่มกันที่คู่รักตัวอย่าง "ตุ๊ก" ชนกวนัน  และ "บ๊วย"เชษฐวุฒิ แม้ จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการแต่ดูจากที่ให้สัมภาษณ์ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว ว่าทั้งคู่มีแนวโน้มจะแยกทางกันจริงๆ  สำหรับคู่นี้จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์กันเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2548 และถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานถึง 7 ปี มีลูกน้อยเป็นโซ่คล้องใจด้วยกันถึงสองคน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไปกันไม่ได้ การยุติความสัมพันธ์จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

คู่ต่อมา "แป๋ม"อรรคพร  และ "คลาวเดีย" จักรพันธุ์ นางแบบสาวมากความสามารถอีกคนของวงการแฟชั่น ที่ตัดสินใจอำลาแคทวอล์กออกไป ใช้ชีวิตแต่งงานเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2549 และถึงแม้จะมีข่าวลือออกมาตลอดระยะเวลาเรื่องการทะเลาะกันระหว่างตัวเธอและ สามี แต่ก็ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าเลิกกันจริงๆ จนเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม  2552 เจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเองว่าได้ตัดสินใจหย่าขาดกับสามีเรียบ ร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าทั้งคู่ต่างเรียนรู้กันเร็วเกินไปก่อนที่จะตัดสินใจใช้ชีวิต ร่วมกัน สิริรวมอายุความรักของ คู่นี้ 3ปี

เท่านั้นยังไม่พอก็ยังมีคู่ของนางแบบรุ่นพี่อย่าง "ลูกหมี" รัศมี ที่ตัดสินใจแต่งงานกับหวานใจหนุ่มลูกครึ่งครูสอนดำน้ำ "หลุยส์" ราชันย์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน  2550 แต่สุดท้ายแล้วความรักครั้งนี้ก็ไปไม่รอด จบลงที่การยุติความสัมพันธ์ในวัน ที่ 11 กรกฏาคม 2552 ซึ่งฝ่ายนางแบบสาวได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่ากับสื่อมวลชนว่าไม่สามารถปรับ ตัวเข้าหากันได้ หลังจากเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ได้เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง

นอกจากนี้แล้วข่าวรักร้างยังลามไปถึงคู่ของ "เมจิ "อโณมา และ "แมน"ศุภกิจ ที่ใช้เวลาในการคบหาดูใจมานานกว่า 8 ปี  ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งทั้งสองได้จูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2550 แต่แล้วต้นรักที่ใช้เวลาปลูกนานต้นนี้ก็โตได้เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น เพราะ ในวันที่ 1 เมษายน 2553 ทั้งคู่ก็ได้ออกมาประกาศแยกทางกัน เนื่องจากมืข่าวลือเกี่ยวกับมือที่สามเข้ามาแทรกกลางในความสัมพันธ์ และถึง แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ใช่สาเหตุหลักของการเลิกลาครั้งนี้ แต่ข่าวนี้ก็เล่นเอาทั้งคนในวงการและนอกวงการอึ้งไปตามกันเลยทีเดียว

คู่ สุดท้าย คู่นี้เรียกได้ว่าคู่ฮอตข้ามประเทศเลยก็ว่าได้เพราะฝ่ายชายเป็นถึงระดับนัก กีฬาเทนนิสชชื่อดังและฝ่ายหญิงนั้นก็พ่วงตำแหน่งนางงามจักรวาล จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "บอล" ภราดร และ "นาตาลี" เกลโบวา คู่ นี้แต่งงานกันเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 50 ก่อนจะตัดสินใจหย่าขาดจากกันในวันที่ 1 มีนาคม 2554 หลังใช้ชีวิตคู่ได้เพียงแค่สามปี โดยทั้งคู่ต่างก็ออกมายอมรับว่าได้แยกกันอยู่นานแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากการที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีเวลาให้กัน
นี่เป็น เพียงแค่ส่วนหนึ่งจากคู่รักซูปเปอร์โมเดลที่ต้องจบลงด้วยการแยก ทาง บ้างก็ให้เหตุผลว่า เรียนรู้กันเร็วเกินไป บ้างก็บอกว่า เข้ากันไม่ได้ ดังนั้นคงจะไม่ผิดหากเราจะใช้คำว่า "รักง่ายหน่ายเร็ว" กับเหล่าคู่รักในวงการบันเทิง

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

จุดจบของความรัก เจมส์ - เอ๊ะ

จุดจบของความรัก ของหลายคู่คนที่เรารู้จัก




    






ซึ่ง พวกเราเองไม่ต้องการเห็นจุดจบของพวกเค้าเหล่านั้น .... เลย  หลายๆ ครั้งคู่เลิกกันโดยมีเหตุเป็นของตนเอง ... ลองมองอดีตของอดีตคู่รัก ... เเล้วเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อประคองให้ชีวิตคู่


  •   เจมส์ -  เอ๊ะ


ปิดตำนานคู่รักมาราธอน “เจมส์-เอ๊ะ” ไปไม่รอดเผยทัศนคติไม่ตรงกัน


“เจมส์-เอ๊ะ” ไปไม่รอด รับเลิกกันแล้ว เหลือเพียงความสัมพันธ์แค่เพื่อน บอกที่ผ่านมาพยายามปรับหากันแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะต่างฝ่ายต่างถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน เลิกกันตอนนี้ดีกว่าแต่งงานไปแล้วต้องหย่าร้าง ฝ่ายชายยันตัวเองไม่ได้เป็นเกย์ และเอ๊ะไม่ได้เป็นเลสเบี้ยน ยอมรับเสียใจ แต่ไม่เสียดายเวลาที่คบกัน

ช็อกวงการอีกคู่เมื่อคู่เลิฟมาราธอนระหว่างนักร้องหนุ่ม “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์”และนางแบบสาว “เอ๊ะ ศศิกานต์ อภิชาตวรศิลป์” ที่ได้คบหาดูใจกันมานานถึง 12 ปี ก็ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อย โดยก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสต่างๆ มาตลอด เช่น ฝ่ายชายแอบซุกกิ๊กเป็นนักศึกษาไว้ตามคอนโดมิเนียมบ้าง หรือแม้กระทั่งข่าวรักๆ เลิกๆ กันมาตลอด แต่ก็ผ่านพ้นกันมาได้จน อีกทั้งยังมีแพลนว่าจะแต่งงานถึงขั้นลงมือสร้างเรือนหอไว้รอแล้วเรียบร้อย

โดยในวันนี้ (21 ก.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอสพลานาด “เจมส์-เอ๊ะ”ได้ ควงคู่กันใส่ชุดดำล้วนมาตั้งโต๊ะเปิดใจถึงสาเหตุของการเลิกราครั้งนี้ หลังจากที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ นานา ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงอารมณ์เสียใจให้เห็นโดยนักร้องหนุ่มได้เริ่มเปิดใจก่อนว่า

เจมส์: “จริงๆ แล้ววันนี้ไม่ใช่เป็นงานแถลงข่าวอะไรนะครับ เนื่องจากมันมีกระแสข่าวลือต่างๆ มากมาย ผมกับเอ๊ะก็เลยมีความคิดว่าอยากจะมาพูดให้กับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนฟังจากปากเราสองคนว่าเหตุการณ์หรืออะไรที่มันเป็นอยู่ตอนนี้มัน เป็นยังไง วันนี้ก็เรียกว่าเป็นงานอัพสเตตัสเฟสบุ๊คแล้วกันนะ (ยิ้ม) ก็คือ เราสองคนตอนนี้สถานะ ก็คือ เปลี่ยนจากการเป็นแฟนก็ปรับเป็นเพื่อนรักกัน จริงๆ แล้วด้วยเหตุผลก็คือว่าเราสองคนพิจารณาด้วยกันทั้งคู่ จากการตกลงจากการคุยด้วยกันทั้งคู่ว่าเรายังมีหลายๆ เรื่องราวที่เรายังเข้ากันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทัศนคติความคิด การใช้ชีวิต หรืออาจจะเป็นเพราะว่าการถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน

“หลายๆ คนก็จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ยาวนานถึง 12-13 ปี จริงๆ แล้วไม่ใช่เราพยายามไม่แก้ไขนะครับ เรารู้เรื่องราวเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และเราพยายามที่จะทำทุกๆ วิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพยายามที่จะปรับจูนเข้าหากัน คุยกัน หาที่ปรึกษา หรือว่าสุดท้ายพยายามที่จะใช้ในเรื่องของการแต่งงานเพื่อที่จะแก้ปัญหา แต่สุดท้ายแล้วก็คงไม่อาจฟืนความจริงได้ว่าจริงๆ แล้วเวลาที่เราไม่สามารถที่จะเดินไปด้วยกันได้ เราก็เลยคุยกัน เห็นตรงกัน โดยที่เรามีจุดยืนว่าเราเลิกเป็นแฟนกันดีกว่าเราแต่งกันแล้วหย่ากัน ซึ่งตรงจุดนั้นมันจะมีคนที่ต้องเสียใจกับเราหลายๆ ฝ่าย”

“แต่ในก่อนหน้านี้ก็มีการให้สัมภาษณ์บ้างว่าเรายังรักกันดีอยู่หรือ อะไรก็ตามที ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเรากำลังพยายามที่จะทำทุกอย่าง ให้ออกมาดีที่สุด แต่พอมันมาถึงวันนึง ณ จุดที่เราคิดว่าไม่อยากให้มันเสียเวลาไปมากกว่านี้ เราก็เลยคุยกันแบบแฮปปี้มาก เราไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งใดๆ ไม่มีอะไรที่เป็นตามข่าวลือว่าผมเป็นเกย์ (ยิ้ม)”

เอ๊ะ:“ที่ว่าเอ๊ะเป็นเบี้ยน ก็ไม่ได้เป็นนะคะ(หัวเราะ)”

เจมส์: “เราไม่ได้เป็นอะไร ยังชอบผู้ชาย ผู้หญิงปกติ”

เอ๊ะ: “แล้วเราก็ไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง”

เจมส์ :“ไม่มีมือที่สาม ยังไม่มีใครมีรักใหม่ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง วันสุดท้ายที่เราตกลงกันว่าเราจะเปลี่ยนสถานะเราก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเราก็ยังคุยกันว่าเป็นการแยกจากกันแบบดีมากๆ และจริงๆ แล้วผมบอกได้เลยว่าต่อจากนี้ไปก็คงเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะเรารู้จักกันทุกแง่มุมแล้ว เพียงแต่ว่าสถานะต่างๆ ความผูกพันธ์ฉันท์แฟนหรือว่าคนที่จะสร้างอนาคตร่วมกันตรงนี้เราเข้าใจกัน แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็คงจะต้องหยุด”

บอกปัญหาหนักเริ่มมีมาเมื่อ 5 ปีหลังมานี้ และพยายามทุกวิถีทาง แม้แต่การจะแต่งงานกันเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ไม่เป็นผล พร้อมบอกเรื่องเรือนหอที่สร้างเอาไว้ก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “เจมส์” เป็นฝ่ายจัดการ

เอ๊ะ :“อย่างที่บอกว่าเรา พยายามแล้วค่ะ พยายามปรับตัวแล้ว เราพยายามทำความเข้าใจกันแล้วจริงๆ แต่เมื่อมันมาถึงจุดนึงที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ และมันไม่ได้สำคัญว่าใครเป็นคนพูดก่อนหรอกค่ะ เอ๊ะมองว่ามันเป็นข้อตกลงที่ทั้งคู่เห็นตรงกันมากกว่าที่จะเป็นว่าฉันขอเลิก กับเธอ เธอขอเลิกกับฉัน มันไม่ใช่”

เจมส์ :“จริงๆ แล้วจะเกิดคำถามนี้เยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือใครก็ตามว่าทำไมเราไม่พยายามเลยเหรอ ผมบอกได้เลยว่า 5 ปีหลังมานี้เราอยู่กับการพยายามมาโดยตลอด กับการปรับตัว กับการพยายามแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง เราพยายามหลายครั้งมากครับ ถึงตัดสินใจวันนี้ได้ไม่ใช่ว่าง่ายนะครับ ผมบอกได้เลยว่าผมเสียใจครับ แล้วผมก็เชื่อว่าเอ๊ะก็เสียใจ เพราะระยะเวลามันนาน และความผูกพันธ์มันมี เพียงแต่ว่าการเสียใจวันนี้มันจะเกิดแค่ตัวเรา เราคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดเราปล่อยไป แล้วเราฝืนต่อไป มันจะไม่ใช่เสียใจกันแค่นี้”

เอ๊ะ :“ไม่ใช่เพราะเจมส์เจ้า ชู้ค่ะ เป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ บอกแล้วมันเป็นรายละเอียดที่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเล่าให้ฟัง (หัวเราะ) แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของความเจ้าชู้หรือว่าข่าวอะไรที่เกิดขึ้นก็ตาม ไม่ใช่ค่ะ แล้วก็ไม่ได้มีฟางเส้นสุดท้ายนะ”

เจมส์ :“ไม่ใช่ฟางหรอก แค่ลม(หัวเราะ) คือมันเหมือนกับเราพยายามๆ จนถึงจุดหนึ่งแล้วหันมองหน้ากันแล้วก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วล่ะ ก็เลยตัดสินใจคุยกัน คือถ้าปกติคนที่จะเลิกกันหรือว่าแยกกันผมว่าคงจะต้องมีเหตุการณ์ทะเลาะ เบาะแว้งอะไรกัน แต่เราไม่ครับ”

เอ๊ะ :“เราไม่ได้มีทะเลาะอะไรกันเลย”

เจมส์ :“เหมือนกับตื่นเช้า ขึ้นมาวันนึงก็คิดได้(หัวเราะ) เพราะมัน 12 ปีแล้ว ชีวิตจะได้ทำอย่างอื่นต่อ และที่ตกลงกันจริงๆ ที่ตกลงกันเด็ดขาดก็ไม่นานครับ เพียงแต่ปัญหานี้มันมีมาหลายปีแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่เกิดปัญหาเราก็พยายามที่จะมองหาทางแก้ และพยายามหลายๆ ครั้งแล้วปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

เอ๊ะ: “ปัญหานี้จริงๆ มันเป็นรายละเอียดน่ะค่ะ เอ๊ะว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาอธิบายให้ฟัง ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องของสองคนจริงๆ แล้วมันก็เป็นรายละเอียดของคนสองคน”

เจมส์ :“ถามว่า เกี่ยวกับการเข้าครอสแต่งงานไหม จริงๆ แล้วไม่อยากให้คนกลัวความรักนะครับ คือเราสองคนอย่างที่บอกว่าทุกๆ วิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่หรือว่าอะไรก็ตามทีที่ไปสู่วิธีทาง แก้เหมือนกัน แต่มันเป็นปัญหาของเราสองคนซะมากกว่า เพราะฉะนั้นน้องๆ หรือใครก็ตามทีไม่ใช่ว่าเห็นคู่พี่สองคนแล้วเกิดกลัวเรื่องความรักกัน ไม่ต้องกลัวนะครับ มันเป็นโอกาสที่คงไม่ได้เกิดกับทุกๆ คนที่สุดท้ายแล้วพอจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่แล้วมันยังมีเรื่องบางเรื่อง หรือว่าอะไรหลายๆ อย่างที่มันยังไม่สามารถที่จะลงตัวกันได้”

“ส่วนเรื่องเรือนหอจริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เรามองว่าเรื่องชีวิตของเราสองคนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ส่วนเรื่องทรัพย์สินหรือธุรกิจต่างๆ เดี๋ยวเราค่อยๆ คิด เพราะนับจากวันนี้ไปเราก็ไม่ได้บ๊ายบายกันแล้วไม่มองหน้ากัน ไม่ใช่ครับ เราก็ยังโทร.หากัน มีเวลาเราก็ยังเจอกันได้ ทุกอย่างก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพียงแต่ว่าวันนี้เราอยากจะให้พี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนได้ทราบชัดเจนว่าตอนนี้สถานะเราสองคนเป็นยังไง เพราะทุกๆ ครั้งที่เวลาเอ๊ะไปทำงานหรือผมไปทำงาน พี่ๆ ก็มักจะมีคำถาม ในบางครั้งเราก็อยากจะพูดนะ (หัวเราะ) แต่บางทีเรามองว่าเราพูดครั้งเดียวให้จบดีกว่า”

เอ๊ะ :“ก็ไม่ได้ต้องแบ่งอะไรค่ะ เพราะว่าจริงๆ เป็นเรื่องของเจมส์ทั้งหมด ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เจมส์ก็จัดการของเจมส์ไป”

เจมส์ :“ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เข้าใจเราทั้งสองคนครับ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งครอบครัวของเอ๊ะ ซึ่งท่านทั้งสองก็มีพระคุณกับผมมาก หรือไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผมเพราะสุดท้ายแล้วก่อนออกจากบ้านมาคุณย่าก็ยังกอด ผม บอกว่าบอกสื่อมวลชนให้เข้าใจว่าที่บ้านเราเข้าใจทุกอย่างดี สุดท้ายแล้วเราก็ยังรักเอ๊ะเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นเนื้อคู่กัน เราไม่ได้ลงเอยกัน แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เป็นคนที่ยังให้คำปรีกษาให้กำลังใจกันได้ครับ”

บอกไม่เคยเสียดายเวลา 12 ปีที่คบกัน เพราะมีแต่ความรู้สึกดีๆ ให้กันมาตลอด แต่หลังจากนี้ คงปล่อยให้เป็นธรรมชาติถ้าแต่ละคนจะพบใครใหม่ เพราะไม่ได้ปิดกั้นตัวเองซึ่งกันและกัน

เอ๊ะ: “เอ๊ะไม่เสียดายเวลาเลยค่ะ”

เจมส์ :“เพราะช่วงเวลาที่มี ด้วยกันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ มันไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา แต่ถามว่าความรู้สึกใจหายมันมีแน่นอน ฉะนั้นก็อยากจะฝากขอพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนช่วยเรานิดนึง ว่า หลังจากวันนี้ไปเราคงจะพูดวันนี้ที่ในลักษณะการมาเป็นคู่ขอเพียงแค่ครั้ง เดียว เพราะต้องเข้าใจเราด้วยว่าความผูกพันธ์ก็คงมี ความรู้สึกใจหายก็คงมี เราก็คงใช้ช่วงระยะเวลาช่วงนึงในการที่เราจะทำใจทั้งคู่เหมือนกัน”

เอ๊ะ: “เกี่ยวกับแรงกดดันเรื่องการแต่งงานไหม จริงๆ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอก บอกแล้วว่ามันเป็นปัจจัยภายในระหว่างเราสองคน”

เจมส์ :“จริงๆ แล้วเราเป็นเริ่มข่าวเหล่านั้นเองว่าเราตัดสินใจคิดว่าการแต่งงานน่าจะเป็น คำตอบ แต่สุดท้ายแล้วพอเราคิดเข้าไปลึกๆ แล้วมันก็ยังมีปัจจัยอีกหลายๆ อย่างที่มันไม่ใช่แค่พรุ่งนี้แต่งงานกันแล้วค่อยไปแก้ไขปัญหาทีหลังมันคงไม่ ใช่แค่นั้น พอเราคิดละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็มีความเห็นตรงกันว่ามันอาจจะเกิดปัญหาภายหลัง ตามมาได้ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นการกดดันหรอกครับจากที่ทุกคนจับตามอง เพราะเราสองคนก็บอกแล้วว่าเราไม่ได้แต่งงานตามกระแสสังคมอยู่แล้ว เราคิดอะไรหลายๆ อย่าง เพราะว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ แล้วก็ค่อนข้างต้องคิดเยอะ”

“อนาคตชีวิตคู่ของแต่ละคนเหรอ คงยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกครับ ก็คงจะให้เวลากับการทำงาน ให้เวลากับครอบครัวก่อนครับ ส่วนเรื่องของชีวิตคู่หรือรักใหม่อะไรต่างๆ ผมว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ เราสองคนก็ไม่ได้จะปิดตัวเอง ก็ค่อยๆ ดูกันต่อไปครับก็คงไม่ได้ปิดอะไร แต่คงไม่ใช่เวลานี้หรอกครับ”

เอ๊ะ :“แต่มันจะยากขึ้นไหมกับ คนใหม่ๆ อันนี้มันตอบไม่ได้หรอกค่ะ อยู่ที่ว่าเราเจอใครจังหวะเวลาหรือว่าคนๆ นั้น เป็นยังไงมากกว่า เอ๊ะว่ามันคงไปกะเกณฑ์ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเปิดใจรับคนใหม่เลยแบบฉลองอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ) แต่ถามว่าชีวิตตอนนี้เปลี่ยนไปไหม ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปนะ (หัวเราะ) เพราะระยะหลังๆ มาต่างคนต่างก็ค่อนข้างมุ่งกับการทำงานมากกว่า และค่อนข้างห่างๆ กันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรกันมาก แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนแล้วกันนะคะที่ลุ้นหรือว่าเป็นกำลังใจให้กับเรา ยังไงก็ขอบคุณทุกคนค่ะ”

เจมส์: “ผมก็ขอบคุณครอบครัว ของเอ๊ะก่อนเลยอันดับแรกนะครับ ยังไงผมก็ยังเป็นลูกของป๋ากับแม่อยู่เหมือนเดิม แล้วก็ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกคนที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ผมเชื่อมั่นจริงๆ เลยว่าทุกๆ ข่าวที่ออกมาเกิดจากความหวังดีของพี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่อยากจะเห็นเรา แต่ว่าถึงวันนี้เราก็ได้ออกมาพูดแล้วว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นยังไง แต่ก็อย่าลืมให้กำลังใจเจมส์กับเอ๊ะเหมือนเดิมนะครับ”

พอถามเรื่องแหวนคู่ที่เคยเห็นทั้งสองคนใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งคู่ก็เผยว่าไม่ได้ใส่แหวนกันมานานแล้ว

เจมส์ :“เรื่องแหวนที่แลกกันเหรอครับ ไม่มีครับ ผมไม่เคยใส่แหวนครับ”

เอ๊ะ: “เราไม่เคยแลกแหวนกันค่ะ”

เจมส์ :“เคยแต่ใส่ เอ๊ะก็เคยใส่อยู่”

เอ๊ะ: “แต่วันนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว (หัวเราะ)”




 ขอขอบคุณข้อมูลจาก  :     www.manager.co.th


 
   
คลิป เจมส์ เอ๊ะ ย้อนวันหวาน


เจมส์-เอ๊ะ ลั่น 2 ปีแต่งชัวร์ 

ย้อนรอยเส้นทางรัก 12 ปี ของ เจมส์ เอ๊ะ
ชีวิตคู่เกิน 20 ปียังหย่ากันได้! สิ้นเสน่หาหรือ(เพิ่งพบ)ทัศนคติไม่ตรงกัน?
การจะเลี้ยงลูกหลังหย่าร้างให้ไปได้ดี



ระบายค่ะ @@@@ เลิกกับแฟน @@@ [ย้ายจาก : ]

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก  :     




วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จุดจบของความรัก นิว-จุ๋ย

จุดจบของความรัก ของหลายคู่คนที่เรารู้จัก




    






ซึ่งพวกเราเองไม่ต้องการเห็นจุดจบของพวกเค้าเหล่านั้น .... เลย  หลายๆ ครั้งคู่เลิกกันโดยมีเหตุเป็นของตนเอง ... ลองมองอดีตของอดีตคู่รัก ... เเล้วเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อประคองให้ชีวิตคู่


  •  นิว-จุ๋ย

แค่พูดว่ารักมันไม่ยาก แค่เป็นคนรักมันไม่ยาก บังเอิญชีวิตมันต้องการมากกว่าจะให้ได้
บางทีเธอคิดว่าเธอใช่ บางทีฉันคิดว่าฉันใช่ บังเอิญชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เป็นโชคชะตาเป็นฟ้าเขียนบท สวรรค์กำหนดให้เราสิ้นสุด ทำดีที่สุด ให้ดีที่สุด
ก็คงต้องหยุด มันสู้ไม่ได้ ไปต่อไม่ไหว ก็ได้แต่หวังว่าในสักวันเธอจะเข้าใจ แค่รัก...มันไม่พอ




“จุ๋ย” โฮ เสียใจเลิก “นิว” รับ คิดแต่ง บอก อยากให้เป็นผู้ชายคนแรกเหมือนที่แม่มีพ่อเป็นคนแรก


    “จุ๋ย” ปล่อยโฮ เสียดายต้องเลิก “นิว” รับ คาดหวังถึงขั้นแต่งงานกัน พร้อมบอก อยากให้เป็นผู้ชายคนแรกเหมือนที่แม่มีพ่อเป็นคนแรก แต่ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ต้องยอมรับมัน เจ้าตัวลั่น นิวยังเป็นคนดีในสายตาเสมอ ยัน “พอร์ช” ไม่ใช่มือที่3 ด้าน “นิว” เผย เสียใจที่ต้องจบแบบนี้ ย้ำ จุ๋ยก็เป็นคนที่อยากอยู่ด้วยจนแก่เฒ่าเช่นกัน
       

ทำเอาอึ้งไปตามๆ กันหลังนางเอก “จุ๋ย วริทยา นิลคูหา” ออกมายอมรับว่าเลิกรากับ “นิว วงศกร ปรมัตถากร” มา ร่วมปีแล้ว ซึ่งให้เหตุผลเพราะว่าเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ทั้งนี้ตั้งแต่ออกมาประกาศเลิกราก็มีข่าวเม้าท์ถึงเรื่องมีที่สาม ทั้งสองฝ่ายอย่างสาวจุ๋ยเองก็มีข่าวลือว่าพระเอกหนุ่มรุ่นน้อง “พอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์” มา ตามจีบ อีกทั้งยังมีคนตาดีเห็นว่ามีการไปรับไปส่งถึงบ้านของฝ่ายหญิงอีกด้วย แต่สาวจุ๋ยก็ได้ปฏิเสธชัดเจนว่าพอร์ชไม่ใช่มื่อที่สามแน่นอน
    
ด้านนิวก็มีข่าวกับดาราสาว “ตาล กัญญา รัตนเพ็ชร” ว่ากำลังกิ๊กกันอยู่ ซึ่งนิวก็ได้ปฏิเสธไปแล้วเช่นกันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ซึ่งเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา หนุ่มนิวเองได้มาร่วมงาน Summer Trend Update 2011 ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงความรู้สึกหลังต้องเลิกรากับจุ๋ยทั้งที่ประคับประคอง รักกันมานานถึง 4 ปีว่า….
    
       “จริงๆ แล้วเรื่องของความรักไม่ได้มีแค่ความรักอย่างเดียวมันต้องมีอย่างอื่นเป็น ส่วนประกอบด้วย และก็เป็นที่เราทั้งสองฝ่ายก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ประสบความสำเร็จที่ตั้งใจ ไว้ คือเรื่องแต่งงานเป็นแผนที่ผมวางอนาคตไว้ไกลมาก แต่เราต้องยอมรับความจริงสุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ แต่เราก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่ ไม่ได้เกลียดไม่ได้โกรธไม่ได้ทะเลาะกันอย่างที่เป็นข่าว เพียงแต่ว่าเราคิดว่าเราไม่สามารถที่จะประคับประคองต่อไปได้ มันไม่ใช่คนใดคนหนึ่งเป็นคนตัดสินใจต้องมานั่งคุยกันสุดท้ายทางออกที่ดีที่ สุดสำหรับเรา เป็นเพื่อนกันจะดีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีการยื้อไว้ก่อนก่อนที่จะตัดสินใจ เราใช้เวลาประมาณ 9 เดือนที่คุยกัน
    
     “ถ้าถามถึงปัญหาคือสำหรับเราพื้นฐานก็ไม่คิดว่าเราสองคนเป็นเจ้าของ ของกันและกัน ในเมื่อสุดท้ายแล้วความรักของเราไม่ประสบความสำเร็จ มันไปไม่รอดต้องยอมรับความจริง ต่างคนก็ต้องต่างเริ่มชีวิตใหม่ แต่ตอนที่เราคบกันมา เราไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่เรื่องของเวลามันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่มันมีปัญหาเรื่องอื่นหลายเรื่องซึ่งบางทีอย่างที่บอกคนเราคบกันไม่ใช่แค่ รักกันอย่างเดียว ต้องมีพื้นฐานอีกหลายๆ ข้อซึ่งเราต้องยอมรับเราทำอะไรไม่ได้”
    
       “ส่วนเรื่องมือที่สามไม่ใช่เลย เราสองคนมีปัญหากันมานานแล้ว ตกลงคุยกันต่างคนก็มอบความอิสระให้แก่กัน เพราะต่างคนก็มีสิทธิ์ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วน้องเขาก็มีสิทธิ์ที่จะ เลือกใครสักคนที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขา ทุกวันนี้ก็ยังทำร้านอาหาร ด้วยกัน ทำงานด้วยกันมีผู้จัดการคนเดียวกันอยู่ในแก๊งเดียวกันไปไหนมาไหนก็เจอกัน บ้าง ร้านก็ยังไม่ถอนหุ้น เพราะเราไม่เคยทะเลาะกันเรื่องร้าน เพราะฉะนั้นมันต้องแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจ ถ้ารับงานคู่ด้วยกันอีกก็ได้คือตอนนี้จริงๆ ก็ยังรับอยู่แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบ”

แจง แม้จะต้องเลิกกันไปแต่ก็ไม่ได้ฟูมฟายอะไรมากนัก เพราะใช้เวลาหลายเดือนในการตัดสินใจ
“สำหรับตัวผมที่ประกาศห่างกันวันแรกก็ไม่ได้ที่จะฟูมฟายอะไรมากนัก เพราะเราไม่ได้คุยกันปุ๊บแล้วเราตกลงกันเลย อย่างที่บอกไปว่าเราใช้เวลาหลายเดือนมากในการตัดสินใจ และพยายามกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้วประคับประคองความรักของเรา โดยหวังว่าให้มันจะดีขึ้น สุดท้ายเราต้องยอมรับความจริง ว่ามันไปด้วยกันไม่ได้ต้องยอมรับมัน แต่ ตอนมีจุ๋ยกับตอนนี้ไม่มีจุ๋ยแล้วก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่าเสียน้ำตามั้ย ลูกผู้ชายถ้าเกิดเสียน้ำตาก็ไม่ให้ใครเห็นอยู่แล้วครับ นอนร้องไห้ทุกคืนเลยครับ พูดเล่นครับพูดเล่น(หัวเราะ)”
    
       “ตอนนี้ก็เพียงแต่ประคับประคองตัวเอง เพราะผมก็คนธรรมดาคนนึงแหละ เวลาคนทั่วไปเขามีความรักแล้วผิดหวังในความรักเขาเป็นยังไง เราก็เป็นอย่างนั้น แต่ว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าระยะเวลามันก็นาน เราก็มีเพื่อนมีงานได้ทำในสิ่งที่เรารัก และก็พยายามไม่อยู่คนเดียว มันผ่านในช่วงที่กินไม่ได้นอนไม่หลับไม่อยากออกไปไหน ช่วงแย่ๆ มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ บ้าง ยังไม่ทันไรเลยก็มีเรื่องละ ก็ประมาณนั้น ถ้ามันไม่มีข่าวมีเรื่องมีราวมันก็จะดีกว่านี้ แต่พอมีเรื่องมีข่าวปุ๊บมันก็กลับมาทำให้เราคิดอีก จริงๆ เรื่องมันจบไปแล้วก็อยากให้มันจบด้วยดีให้มันผ่านไป
    
รับ หลังจากประกาศเลิกทุกข่าวที่ออกมาทรมานใจหมด ใช้วิธีประคับประคองตัวเองด้วยการที่จะไม่อยู่คนเดียว
ทุกข่าวเลยทรมานหัวใจผม คือที่พูดแบบนี้คือว่าเรื่องของคน 2 คนมันก็ควรจะจบแค่คน 2 คนไม่อยากดึงคนโน้นคนนี้มาเกี่ยวข้อง ต้องทำคนอื่นเขามาเดือดร้อนทั้งๆ ที่อย่างในข่าวก็เห็นอยู่แล้วว่าในเนื้อข่าวเองก็เฉลยแล้วว่ามันไม่ใช่ แล้วจะเขียนข่าวแบบนี้ทำไม ซึ่งถึงมันจะทำให้ผมทรมานใจเท่าไหร่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องงานครับ เพราะว่าเราแยกแยะได้ เพราะเราทำงานมาหลายปีแล้วว่าอะไรคืองานอะไรคือเรื่องส่วนตัว ถ้าถามว่ารู้สึกมั้ยก็รู้สึกว่าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ก็รู้สึกเหงาๆ บ้าง
    
       เผย เหงา แต่ตอนนี้มีน้องหมาเป็นเพื่อน
“เหงาครับ ทุกคนก็ต้องเดินหน้าต่อไป ต้องมีชีวิตใหม่ที่ต้องสู้ต่อไปจะมานั่งจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปมันคงไม่ ได้ ถ้าเรากลับไปลองอีกสักครั้งก็คงไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเราไม่ได้ทะเลาะกันปุ๊บปั๊บแล้วเราตัดสินใจ เรา พยายามแล้ว เราให้เวลากับมันนานมาก แต่สุดท้ายมันไม่เป็นแบบที่เราต้องการเราก็ต้องยอมรับว่าไม่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะมีแฟนเป็นนางเอกอีกหรอกนะครับ แต่กะว่าจะหาแฟนเป็นนักข่าวบ้าง (หัวเราะ) เราก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึง เราก็คิดว่าเราจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาไปจนแก่จนเฒ่า แต่วันนั้นจะถึงเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้”
    
     แต่ตอนนี้มีน้องหมาไว้แก้เหงา คือไปถ่ายละครน้องหมาเขาหลงมาในกองถ่ายก็เลยเก็บมาพาไปหาคุณหมอไปไว้ที่โรง พยาบาล แต่ตอนนี้รับกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วครับ คือเคยมีคนบอกว่าสัตว์ 4เท้าจะนำลาบมาให้ ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้โชคร้ายอะไรนะ เราก็ทำงานแล้วก็มีความสุขดีในระดับหนึ่ง ถึงบางทีอาจจะเหงาไปบ้าง แต่ว่าเราก็มีคนที่เข้าใจเราให้กำลังใจเรา สิ่งที่อยากจะขอจริงๆ ในตอนนี้ก็คืออย่างให้พี่ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีถึงแม้จะเป็นกำลังใจให้เราไม่ได้ก็ให้มัน ง่ายขึ้นสำหรับเรา ก็อย่างเช่นอย่าดึงคนโน้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องมีที่3 มือที่4 จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยครับ”
    
ลั่น ตอนนี้ไม่ได้ปิดโอกาสที่จะคบกับใคร แต่อยากได้คนที่พัฒนามาจากความเป็นเพื่อน
      “ตอนนี้ก็เปิดครับ แต่ว่ายังไม่มีใครที่ คือจริงๆ แล้วตอนนี้ต้องการแค่เพื่อนคุยเพราะว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ผมรู้สึกว่าตัวผมเองมีเพื่อนน้อยมากและก็เพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าเพื่อนทุก คนเขาเป็นห่วงเราแค่ไหน ก็เป็นเหตุการณ์ที่เราเข้าใจอะไรหลายอย่าง แต่ถ้าวันไหนจะมีแฟนอีก ก็คงต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนแล้วกันแต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร แต่ตอนนี้เราก็ได้ทำงานที่เรารักแล้วเรามีครอบครัวเรามีเพื่อนเข้าใจเราก็โอ เคครับ วันนึงข้างหน้ามันต้องมีแหละครับแต่ตอนนี้มีหรือยัง ก็ยังไม่มีครับ”

      ทั้งนี้ช่วงบ่ายวันเดียวกันจุ๋ยได้มาร่วมงานเปิดตัวโรงภาพยนตร์ KTB Digital Cinema ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ชั้น 6 พารากอนซีนิเพล็กซ์ พร้อมกับเปิดใจอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเจ้าตัวได้ทราบเรื่องที่นิวพูดถึงเรื่องอดีต ก็ทำเอาสาวจุ๋ยถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว
    
       “เรื่องแต่ละข่าวที่เข้ามาตอนนี้จุ๋ยเข้าใจนะ เข้าใจวงการบันเทิงเข้าใจว่าถ้ามันมีเรื่องราวของการเลิกรา โสดแล้วจะเป็นยังไง ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่าทำใจได้เฉยๆ”
       
      “กับพอร์ชเป็นเพื่อนเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันในกองถ่าย ยอมรับว่าสนิทเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่คุยกันได้ แต่ไม่ได้คุยลึกเรื่องส่วนตัว มีอะไรก็เฮฮากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คือจุ๋ยรักเด็กจริงนะ แต่เป็นเด็กตัวเล็กๆ อันนั้นรัก เรื่องพอร์ชไปตามส่งถึงบ้าน เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่จริง แต่ว่าในกลุ่มที่กองถ่ายก็เคยมีชวนว่าไปกินข้าวที่บ้านไหม หรือจะไปทานข้าวที่ร้านเราไหม แต่ว่ายังไม่มีใครว่างได้ไปกันสักคน”
       
      “ยืนยันค่ะว่าพอร์ชไม่ใช่มือที่สาม เอาเป็นว่าเป็นเรื่องของพี่นิวและจุ๋ยเท่านั้น เรื่องที่พอร์ชที่บอกว่าจุ๋ยตรงสเปค จุ๋ยถามเขาแล้วล่ะ คิดว่าอาจจะเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดมากกว่า เขาบอกว่าเราเป็นคนที่น่ารัก เป็นสเปคของผู้ชายหลายๆ คนไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ไม่ได้ตรงสเปคมาก ถามว่าพอร์ชตรงสเปคไหม จะบอกว่าจุ๋ยเป็นคนไม่มีสเปคนะ ชอบนิสัยไม่ชอบที่หน้าตา แต่ชอบคนผิวขาว แต่ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นพอร์ช”
    
       เผย ยังติดต่อกับ “นิว วงศกร” อยู่ตลอด เชื่อใจอีกฝ่ายไม่กิ๊ก “ตาล กัญญา” ดารารุ่นน้อง บอกตั้งแต่เลิกกันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ลั่น ไม่เปิดรับใครใหม่เพราะยังไม่พร้อม ขอบคุณความหวังดีที่หลายคนอยากให้กลับมาคบกัน
      
“ตอนนี้ก็ยังคุยกับพี่นิวอยู่เมื่อวานก็เพิ่งคุย พรุ่งนี้ก็จะมีงานแต่งงานของผู้จัดการส่วนตัว ก็ต้องเจอกัน ข่าวพี่นิวกับน้องตาลจะบอกว่าจุ๋ยสงสารทุกคนที่เป็นข่าว ที่ต้องโดน จริงๆ เขาเป็นเพื่อนกันหมด มันไม่ผิดที่ทำงานด้วยกันแล้วจะสนิทหรือไปทานข้าวหรือบีบีคุยกัน เรื่องนี้พูดตรงๆ ว่าตั้งแต่เลิกกันมา จุ๋ยไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัว เพราะเคารพในสิทธิของเขา เขาจะเจอใครใหม่หรือจุ๋ยจะเจอใครใหม่ ก็เป็นเรื่องส่วนตัว แล้วเราจะไม่คุยถึงเรื่องนี้ เราจะคุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบ เรื่องอื่นมากกว่า”
    
       “ที่พี่นิวบ่นว่าเหงา ก็อยากถามว่าเหงาอะไร (หัวเราะ) ไม่หรอกเห็นเพื่อนเขาเยอะ มีหลายแก็งค์ของเขา เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะเหมือนกัน พอเลิกกันแล้วก็เพิ่งรู้ว่าเขามีเพื่อนเยอะนะ จุ๋ย เองก็อาจจะมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกเหงาหรือโหวงๆ แต่เราก็มีงานมีเพื่อน มันก็ทำให้หายเหงาไปได้ ตอนนี้บอกได้เลยว่าโสดสนิท ไม่กิ๊กไม่กั๊กไม่คบใคร ไม่พร้อมจะเรียนรู้ใครขอเว้นวรรคชั่วคราว
    
       “หลายคนก็หวังดีที่อยากให้กลับมาคบ กัน ก็ต้องขอขอบคุณ ความหวังดีหรือความรู้สึกดียังมีให้พี่นิวเสมอ แต่ถามว่าคนที่มันไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่ ดังนั้นเราก็ไม่เสียเวลา เขาเป็นคนดีสำหรับจุ๋ยเสมอ อนาคตก็ไม่รู้จะยังไง ณ วันนี้ยังไม่แน่นอน
    
       ก่อนหน้าเพียงไม่ถึงชั่วโมง “นิว วงศกร” ให้สัมภาษณ์ว่าเสียดายที่ต้องเลิกกัน ซึ่งทันทีที่เจ้าตัวทราบเรื่องถึงกับร้องไห้ออกมาพร้อมเผยว่า ตนก็เคยคาดหวังถึงขั้นจะแต่งงานกับนิวเช่นกัน เพราะอยากให้ฝ่ายชายเป็นคนแรกเหมือนที่แม่ของตนเองมีพ่อเป็นคนแรกเหมือนกัน
    
     ที่พี่เขาบอกว่าอยากให้จุ๋ยเป็นคน ที่ใช่และจะแต่งงานด้วย แต่พอเลิกกันแล้วรู้สึกเสียดาย จะบอกว่าจุ๋ยก็เคยหวังเหมือนกัน ในเมื่อวันหนึ่งมันไปไม่ได้ถึงขนาดนั้น เราก็ต้องรู้ตัวเอง จริงๆ พี่นิวก็รู้ เขาก็พูดในจุดที่เราห่างกัน การคบใครสักคนหนึ่งเราไม่เคยคิดว่าเราจะเลิก อยากจะไปให้มันสุด อย่างแม่จุ๋ยมีพ่อเป็นคนแรก จุ๋ยก็อยากให้พี่เขาเป็นคนแรกเสมอ เข้าใจไหม(ร้องไห้)”
    
จู่ๆ เห็นสาวจุ๋ยร้องไห้ออกมาอย่างพรั่งพรู ก็ทำเอาผู้สื่อข่าวถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน ก่อนจะยุติการสัมภาษณ์เพื่อให้เจ้าตัวได้ทำใจ ซึ่งพอสาวจุ๋ยรวบรวมสมาธิได้และหันไปซับน้ำตาเสร็จเรียบร้อย เจ้าตัวก็แสดงสปิริตหันมายิ้มให้กับผู้สื่อข่าว และยืนให้ช่างภาพถ่ายภาพอย่างเต็มที่ก่อนจะขอตัวกลับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก  :  www.manager.co.th


   


 ขอขอบคุณข้อมูลจาก  :     




วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จุดจบของความรัก แมน - เมจิ

จุดจบของความรัก ของหลายคู่คนที่เรารู้จัก






       ซึ่งพวกเราเองไม่ต้องการเห็นจุดจบของพวกเค้าเหล่านั้น .... เลย  หลายๆ ครั้งคู่เลิกกันโดยมีเหตุเป็นของตนเอง ... ลองมองอดีตของอดีตคู่รัก ... เเล้วเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อประคองให้ชีวิตคู่


  •  แมน - เมจิ

 

แม้ยังอยากจะเดินร่วมกัน แม้ยังอยากให้นานกว่านี้
แต่ใจลึกๆ รู้สึกทุกทีว่าไปด้วยกันไม่ไหว
ก็ที่ฝืนยิ่งทำให้กลัว อุ่นแค่ตัวแต่หนาวหัวใจ
ยิ่งเราอยากประคองมันสักเท่าใด
ยิ่งทำให้ใจเหนื่อยล้า

หยุดเอาไว้ตรงนี้ เมื่อวันนี้เหลือแต่ความเฉยชา

ถึงเวลาที่เราต้องเข้าใจ

ที่รักเราเลิกกันนะ ต้องบอกเธอด้วยน้ำตา

ถึงแม้ว่ามันโหดร้าย ให้เราจบกันไปด้วยดี
ก่อนถึงนาทีที่สาย จนเราไม่เหลืออะไรให้จำ 


ช็อกวงการ!!! คู่รักมาราธอน เมจิ อโณมา กับ แมน ศุภกิจ คบ 8 ปีแต่ง หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา คือปัจจุบันตัดสินใจเลิก!!! กันซะแล้ว ซึ่งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา(31 มี.ค.) ทางสาว เมจิ ได้เดินทางมาออกรายการสด คุยแหกโค้ง ทางช่องเคเบิ้ล UBC พร้อมกับประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้มีการแยกทางกับ แมน สามีมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่คบกันมานานถึง 10 ปีเต็ม โดยยอมรับว่าสาเหตุที่เลิกกันมีเรื่องมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องจริง ซึ่งหลังจากรายการออกอากาศไปแล้ว เธอก็ได้เปิดใจเรื่องเตียงหักกับสื่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


"แยกทางกันมาได้สักพักนึงแล้วค่ะ สาเหตุเหมือนอย่างที่ได้ตอบไปว่า ก็เพราะว่าเรามีความคิดนโยบายบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แล้วก็อีกอย่างนึงอีกสาเหตุนึงก็คือในเรื่องของเรามีความรู้สึกที่เป็นพี่เป็นน้องกันมาได้สักระยะนึง เพราะฉะนั้นว่าเราจำเป็นที่จะต้องออกมาในลักษณะที่เป็นพี่น้องดีกว่าในสถานะของสามีภรรยา"


ตามข่าวที่บอกว่าเกี่ยวกับมือที่สามล่ะ? "มือที่สามนั้นคงไม่ได้มีอิทธิพลมากกับการที่เราเลิกกัน เพราะว่าอย่างที่เคยบอกไปว่าตัวเมจิเองเมื่อเวลามีปัญหาอะไร เมจะเป็นคนไม่ฟังคนอื่น หรือแม้ใครจะมาเล่าอะไรที่ไม่ดีให้เมจิฟัง เมจิจะไม่รับฟัง เพราะว่าคำตอบที่แท้จริงคือที่ตัวเค้า ซึ่งคุณแมนเองเค้าไม่เคยโกหกอะไรเมจิ เค้าพูดความจริงอยู่เสมอเพราะฉะนั้นเนี่ยปัญหานั้นคงเป็นเรื่องเล็กน้อยค่ะ"



เห็นบอกว่าหลังจากแต่ง พี่แมนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปเลย? "อันนั้นคงเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปเองมากกว่า (เค้ายังเหมือนเดิม?)    เหมือนเดิมค่ะ อย่างที่บอกว่าปัญหานั้นเนี่ยพี่แมนเค้าเป็นคนไม่เคยปิดบัง เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย แต่ปัญหาที่เราจะต้องช่วยกันแก้มากกว่าว่าเราจะเดินทางออกแบบไหนกับสิ่งที่เราเจอ ในการดำเนินชีวิตคู่กัน"



แต่มือที่สาม เป็นสาเหตุหนึ่งใช่ไหม?    "เป็นส่วนน้อยค่ะ (มีข่าวมาว่าไม่ใช่แค่กิ๊ก แต่พี่แมนมีคนใหม่เป็นตัวเป็นตนเลย?)    อันนั้นก็ตามที่เป็นข่าว แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ (เรียกว่าเคลียร์ให้พี่แมนเลย?)  ก็ อันนั้นต้องไปถามทางเค้าเองดีกว่า"

พี่แมนบอกเราเอง หรือเราถามเค้าก่อน?   "แน่นอนว่าทุกอย่างที่ตอบไปแล้วว่าพี่แมนไม่เคยโกหกอะไรเมจิ เมื่อเวลาเมจิถามอะไรเค้าจะพูดตรงๆ (แล้วเรารู้เองหรือเปล่า หรือมีคนมาบอก?)   ทุกอย่างพี่แมนไม่เคยโกหก บอกแล้วค่ะ"


เสียใจไหม?      "ถามว่าเสียใจไหมหรอคะมันมีบ้าง แต่ว่ามันจะเสียใจมากกว่าถ้าเรายังดำเนินทุกอย่างต่อไปด้วยปัญหา จริงๆ ตรงนั้นมันน่าจะเป็นเรื่องที่เสียใจมากกว่านะคะ เพราะฉะนั้นที่เมจิบอกว่าสิ่งแรกที่เราทำคือเราต้องทำอะไรที่มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ เหมือนที่เราดำเนินมาทั้งคู่เนี่ยตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอะไรที่เป็นความสุขของเราทั้งสองคน เรายินดีร่วมมือกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้เนี่ยความเสียใจคือถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขนั่นคือความเสียใจมากกว่า เพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่ทำให้ความสุขก็คือเราตัดสินใจแยกทาง คือทางออกที่ดีค่ะ"




ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นก่อน หรือหลังจากที่มีอีกคนเข้ามา? "เปลี่ยนไป แน่นอนชีวิตคู่มันเป็นเรื่องปกติว่าถ้าเข้ามาในเรื่องแบบนี้เนี่ยทุกคู่มันต้องเป็นปัญหาแน่นอน แต่ว่าอย่างที่บอกไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่เราสามารถแก้ได้แล้วก็หาทางออกด้วยกันได้ทั้งคู่ แต่ปัญหาส่วนตัวมากกว่าอันนี้ปัญหาใหญ่กว่า"



มีทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงไหม? "เป็นเรื่องปกติจ๊ะ ของความรุนแรงของชีวิตคู่สามีก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องปกติ จริงๆ เราทะเลาะรุนแรงกันมาโดยตลอดเลยนะ (แต่ไม่ได้ถึงขั้นมีลงไม้ลงมือ?)ไม่มี เรื่องนั้นไม่มีเด็ดขาดเลยคุณแมนไม่ใช่เป็นคนนิสัยแบบนั้น"


ดูเหมือนเราทำใจได้? "การทำใจอย่างที่บอกเราใช้สติปัญญาที่เราเคยฝึกฝน ปฏิบัติธรรมะเข้ามาตรงนี้ช่วยได้เยอะมาก เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ใจ มันก็ต้องจบที่ใจของเรา เพราะฉะนั้นเนี่ยเราอย่าจมอยู่กับความทุกข์ให้มันนานมาก เพราะชีวิตของเรายังต้องก้าวหน้าต่อไป มีอะไรให้เราต้องดูแลอีกเยอะ มีหลายคนที่เราจะต้องเป็นห่วงอย่างเช่นคุณพ่อคุณแม่อะไรต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นเราไม่มีเวลาที่จะต้องมานั่งจมความเศร้าอีกนานต่อไป"



ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม? "แน่นอนค่ะ คุยกันอยู่เหมือนเดิมค่ะ (เรื่องธุรกิจล่ะ?)ธุรกิจที่ทำร่วมกันก็พี่แมนเค้าคงเป็นที่ปรึกษาที่ดี มีอะไรก็เป็นที่ปรึกษา เพราะว่าหนึ่งเราเริ่มต้นด้วยกันมาในลักษณะของการทำงาน เค้าอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน เพราะฉะนั้นเนี่ยมีอะไรต้องปรึกษากันแน่นอน เป็นเหมือนพันธมิตร"



ตอนนี้มองอนาคตยังไงบ้าง? "อนาคตของเมจิคือหนึ่งอยากจะก้าวหน้าในเรื่องของธุรกิจการงาน สองก็คืออยากจะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจว่าเอ๊ทำไมแต่งงานแล้วไม่รับงาน ซึ่งจริงๆ ทุกคนก็เข้าใจไปกันผิด คิดว่าเมจิจะไปเป็นแม่บ้าน จะไปมีลูกแต่จริงๆ ไม่เลย เมจิอยู่ในวงการนี้ตั้งแต่อายุ 15 เมจิก็ยังรักวงการนี้อยู่เหมือนเดิม แล้วก็อยากจะทำงานในวงการอันนี้ประกอบกับทำธุรกิจของตัวเองไปด้วยในตัวมากกว่า"


ที่ไม่มีลูกนี่ตั้งใจหรือเปล่า? "จุดเริ่มต้นการทำงานแน่นอนว่าเราต้องเมคมันนี่กันก่อน ให้ความรากฐานให้รากฐานของเรามั่นคงก่อนค่ะ"


ถอยห่างกันมาระยะหนึ่งแล้ว ทำไมเพิ่งจะมาบอกสื่อ? "จริงๆ เมจิไม่ได้เพิ่งจะมาบอกนะคะ ปกติเวลาไปไหนเมจิก็จะมีแมนตลอดเลยใช่ไหมคะ ติดกันเป็นปาท่องโก๋แต่คราวนี้เมจิลุยเดี่ยว แมนลุยเดี่ยวตลอด เพราะฉะนั้นคนก็ต้องถามแน่นอนว่าอ้าวแมนไปไหน เราก็จะตอบว่าเราแยกทางกัน เพราะเมจิคงไม่มีแรงที่จะไปนั่งบอกทุกๆ คนว่าเราแยกทางกัน จนวันนี้น้องๆ พี่ๆ มาถามเมจิ เมจิก็เลยบอก แต่เมจิไม่ได้เลือกวัน ไม่ได้เลือกว่าจะบอกตอนไหน ใครมาก่อนบอกก่อน ใครถามก็บอก ใครไม่ได้ถามก็ไม่ได้บอกอะไร ให้เค้ารับรู้ของเค้าไปเอง เพราะว่าเรื่องแบบนี้คงเป็นอะไรที่ไม่น่าป่าวประกาศให้มันดังมากนัก"



จะมีวันไหนที่มาออกงานคู่กันอีกไหม? "ถ้ามีวันนั้นได้ก็ยินดีค่ะ (แล้วจะมีโอกาสกลับมาคบกันเหมือนเดิมไหม?)ถ้าคบกันในฐานะพี่น้อง ใช่ แต่ฐานะของสามี-ภรรยา ไม่ใช่ค่ะ"



ถ้าย้อนกลับไปได้ จะไปแก้ไขอะไรไหม? "เมจิคิดว่าไม่อยากแก้ไขอะไร เพราะที่ผ่านมาเมคิดว่าเรามองว่าเป็นเรื่องที่ดี พี่แมนได้ให้แต่สิ่งดีๆ เมจิก็ได้ให้เค้าในสิ่งที่ดีๆ เมจิจะพยายามจะจดจำแต่สิ่งดีๆ ที่มีด้วยกันมาเสมอตลอดเวลา 10 ปี ที่ผ่านมาเราเคยมีทุกข์ เราเคยมีสุขกันมาด้วยกันตลอด เราไม่เคยทอดทิ้งกันในยามที่ทุกคนมีน้ำตา เพราะฉะนั้นเนี่ยวันนี้ที่เมจิเคยบอกว่า ถ้าเมจิรักเค้า เมจิก็จะจำแต่สิ่งดีๆ ที่เค้ามีให้เมจิ และเมจิก็ได้ให้เค้าอยู่ตลอดเสมอมา วันนี้เราออกกันด้วยมิตรภาพ เรารักกันด้วยมิตรภาพ เราต้องจบลงด้วยมิตรภาพ"



มีอะไรอยากจะพูดกับพี่แมนไหม? "เมจิอยากจะให้พี่แมนทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกอย่างที่มันผิดพลาดมาก็ถือว่าเราลืมมันไป อย่างที่บอกว่าเราสองคนมีการให้อภัยซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เมจิผิดพลาดอะไรพี่แมนก็ให้อภัยเมจิ พี่แมนผิดพลาดอะไรเมจิก็ให้อภัยพี่แมน นั่นคือสิ่งที่เราสองคนยึดมั่นกันโดยตลอด พี่แมนฝันอะไรขอให้พี่แมนไปให้ถึง และขอให้ใช้สติสัมปะชัญญะที่เคยฝึกฝนและทำบุญกุศลมา เอามาใช้ให้เต็มที่ แล้วก็ขอให้พี่แมนมีความเจริญก้าวหน้า ในทุกๆ เรื่องค่ะ"

ถ้าพี่แมนมีครอบครัวใหม่? "ด้วยความยินดี เป็นเรื่องปกติค่ะ (แล้วถ้าเค้ามาง้อ?)เรื่องนั้นก็คงเป็นเรื่องของเวลาดีกว่า ที่มันจะบอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เมจิคงยังตอบอะไรไม่ได้นอกจากจะดูแลตัวเองในเรื่องของการพัฒนาตัวเองในเรื่องของการทำงาน ดูแลเอาใจใส่ครอบครัว แล้วก็หาอะไรเรียนรู้เพิ่มเติมมากกว่า"


พร้อมเปิดใจให้รักครั้งใหม่ไหม? "ความรักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ (แล้วมีใครเข้ามาหรือยัง?)เพิ่งแยกทาง เดี๋ยวจะเร็วเกินไปนะคะ ยังค่ะ แต่ความรักเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน อย่างที่เมจิเคยพูดว่าความรักถ้าเรามองให้มีความสุขมันก็มีความสุข แต่ถ้าเรามองให้มันเป็นเรื่องที่มันเลวร้ายมันทุกข์ มันก็จะทุกข์ เพราะฉะนั้นว่าอะไรก็ตามเมื่อเรามีความรัก จดจำแต่สิ่งที่ดีๆ มันจะทำให้เราเข้มแข็ง ถามว่าใช้เวลาไหม ใช่ แต่ถามว่าต้องทำไหม ต้องทำแน่นอน"


ขอขอบคุณข้อมูล   :  www.thairath.co.th


"ตอน นี้ก็คงต้องดูแลรักษาใจของตัวเองมากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น พัฒนาจิตใจตัวเองให้มากขึ้น ที่สำคัญเมจิก็ยังทำบุญทำกุศลเหมือนเดิม ทำจิตใจตัวเองให้เบาสบายอย่างที่ตัวเองเคยทำมา สำหรับหลายคู่ที่มีปัญหาแล้วอยากที่จะเข้มแข็ง เมจิมองว่า เราเองก็เป็นผู้หญิงปกติธรรมดาคนนึงไป แต่เมื่อไหร่ที่เรามีความเศร้า จงหาคุณค่าของตัวเองให้เจอ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง"

สาว เมจิ กล่าวต่อว่า "ใครที่มาทำให้เราเสียใจ ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีคุณค่าลดน้อยลง ฉะนั้นเมื่อเวลาคุณเสียใจ คุณอย่าทำร้ายตัวเองให้นาน เมื่อวันนึงร้องไห้ ก็ร้องไห้ให้เต็มที่ แล้วลุกขึ้นมาทำตัวเองให้ดีที่สุด และอย่าลืมว่าเมื่อวันที่ทำตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว อย่าย้อนกลับไปในอดีตที่ตัวเองเคยมีความทุกข์ ไม่อย่างนั้นเราจะมีแต่ความเจ็บเหมือนเดิม ปัจจุบันมันทำให้เรามีอนาคตที่สดใส มองตัวเองไปข้างหน้า อย่าย้อนกลับไปในอดีตอีก" เมจิ กล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูล   :www.kapook.com


แมน โต้มี มือที่สาม เผยเลิก เมจิ เพราะไม่มีความสุข



"มัน เป็นปัญหาของคนที่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว เราเป็นแฟนกันมา 7 ปี ศึกษาเรียนรู้ในสิ่งที่ดีกันมาตลอด บางครั้งมีปัญหาก็ร่วมกันประคับประคอง ทุกอย่างมันเป็นสเต็ปไป ผมก็ยอมรับว่าเรามีการศึกษากันก่อนแต่งงาน และใช้ชีวิตคู่แต่งงานประมาณ 3 ปี รวมแล้วก็ 10 ปี มันเป็นปัญหาที่สะสมเอาไว้หลายเรื่อง แล้วเราไม่เคลียร์ ปล่อยผ่าน คิดว่าลืมๆมันไปซะ หาเรื่องดีๆมาคุยกันดีกว่า เก็บไว้ทั้งเค้าและเรามันก็เกิดการอิ่มตัว ก็มาคิดว่าเราอยู่กันเพราะว่าอะไร หน้าที่รึเปล่า เป็นตัวอย่างของสังคมรึเปล่า การแยกจากกันจะดีกว่ามั้ย ต่างคนต่างไปมีทางของตัวเอง จะได้ไม่ต้องกังวล"


คนมองเลิกกันเพราะมีมือที่ 3?
"มันเป็นความคิดพื้นฐาน พอเลิกก็ต้องคิดมีใหม่รึเปล่า เรามีปัญหาชีวิตคู่ทั่วไปกันอยู่นานแล้ว ทะเลาะกันตลอด แต่มันไม่ได้เป็นข่าว ไม่ได้บอกใคร คนก็มองว่าเราเป็นคู่รักตัวอย่าง ก็ถูกจับตามองอีก"

รักถึงทางตันเลยตัดสินใจคุยกัน?
"ครับ เราแยกจากกัน ดีต่อกันเป็นกัลยาณมิตร มันเป็นการ แตกแยกแต่ไม่แตกหัก เพราะ 10 กว่าปีที่คบกันมา ก็มีเรื่องราวมากมาย"


ความ รู้สึกที่มีต่อเมจิ ณ วันนี้? "ผมกับเค้ามันเป็นหลายสถานะ น้อง แฟน พี่ เพื่อน ให้ความช่วยเหลือได้ทุกอย่าง การแยกกันไม่ใช่เรื่องร้าย ทุกวันนี้ก็ยังให้คำปรึกษากันได้"

มีข่าวแมนพาสาวไปดูบอล?
"มันบังเอิญที่มีคนไปจุดประกายเรื่องผมพาใครไปดูฟุตบอล แล้วก็ไปถามเค้า คือมันเป็นความรู้สึกไม่ชุ่มชื่นหัวใจมาสักพักแล้ว"

นักศึกษาสาวใคร หรอ? "ใครเหรอ นักศึกษาชายคงใช่ (หัวเราะ) ไม่มีครับ ก็เข้าใจ คนต้องมองผู้ชายเจ้าชู้มีคนอื่น มันเป็นความคิดพื้นฐานชั้นเดียว แต่สำหรับเรา เมื่อไหร่ที่เราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ทุกข์ใจ ไม่ชุ่มชื่นหัวใจ แยกกันไปทำให้ตัวเองมีความสุขดีกว่า ถ้าวันข้างหน้ามีลูกแล้วเกิดปัญหานี้จะยุ่ง หลายคนถามทำไมผมไม่มีลูก งานยุ่งด้วยแล้วเราก็ยังไม่พร้อม ส่วนมือที่ 3 มันไม่ใช่สาเหตุ แต่มันเป็นความรู้สึกต่างๆนานามากกว่า ชีวิตคู่เจอกันทุกวัน ทุกอย่างมันมีปัญหาได้หมด"

เรื่องหย่า?
"ไม่ได้จด ทะเบียน ก็แค่บอกเลิกกันทางสังคม สถานภาพก็โสด".

ขอขอบคุณข้อมูล   :www.hunsa.com


เลิก 'เมจิ' ด้วยดี 'แมน' โต้ซุกนศ. 

 ชีวิตคู่ค่อนข้างมีปัญหากันเยอะแยะ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็เป็นปัญหาได้หมด แต่ที่ผ่านมา เราก็พยายามประคับประคอง ประนีประนอมกันมาตลอด แต่พอถึงวันหนึ่ง คิดว่าในเมื่อมันสะสางกันไม่หมด ก็ควรที่จะแยกกันอยู่ โดยที่เราเองก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน ไม่ได้พูดไม่ดีต่อกัน แต่เรายังเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันได้ มีอะไรก็ยังปรึกษากันได้ ส่วนที่ใครว่าแต่งงานไปแล้วผมไม่เหมือนเดิม ก็แล้วแต่คนจะมอง เพราะคงไม่สามารถอธิบายให้ทุกคนฟังได้ ก็แล้วแต่จะพิจารณากัน ผมไม่อยากใช้คำว่าเสียดายที่ต้องเลิกกัน เพราะมันก็ถือว่าเราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผมอาจจะเปิดหนังสือเล่มหนึ่งนาน แต่เมื่อผมอ่านมันจบแล้ว ผมก็วางมันลง ซึ่งเมจิก็เช่นกัน" แมนแจกแจง
 ส่วนเรื่องที่ แมน ซุกกิ๊กเป็นนักศึกษานั้น เจ้าตัวหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า หากมีกิ๊กเป็นนักศึกษา คงจะไม่เหมาะ เพราะนักศึกษาเด็กเกินไปสำหรับเขา
 "มัน เป็นเรื่องที่ลือกันไปเองมากกว่า อาจจะมีนักศึกษาของใครในทีมฟุตบอลหรือเปล่า คงไม่ใช่หรอก เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นว่าผมเป็นวัวแก่ไป เรื่องมือที่สามคงไม่ใช่ปัญหาทั้งผมและเมจิ แต่มันเป็นปัญหาด้านอื่นมากกว่า ส่วนอนาคตเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ผมคงตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้เราสองคนคิดว่า แยกกันอยู่โดยดี เคลียร์กันลงตัว ต่างคนต่างใช้ชีวิตอิสระกันน่าจะดีกว่า" แมนแจกแจง
 สำหรับเรื่องจด ทะเบียนหย่านั้น แมน เผยว่าเขาและอดีตภรรยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่แรก เลยไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อถามว่าตัดสินใจนานหรือไม่ กว่าที่จะออกมายอมรับให้สังคมรับรู้ถึงการเลิกกันครั้งนี้ ได้รับคำตอบ
 "การ ตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนสองคน ถ้าเมจิพร้อมที่จะบอกกับสังคมแล้ว ผมเป็นผู้ชาย ก็ต้องให้เกียรติเขา ถามว่าเสียดายไหม คือถ้าเราอยู่ด้วยกัน แล้วต้องฝืนใจ อึดอัดใจ มันก็คงไม่ดี เหมือนดอกไม้ที่มันแห้ง ไม่ชุ่มชื้น ฝืนไปมันก็อาจไม่ดีขึ้น ส่วนตัวผมไม่ได้เข็ด เพราะถ้าเข็ดก็แปลว่าอนาคตจะไม่มีครอบครัวอีก ตอนนี้ก็ยังเปิดใจอยู่ ผมไม่ปิดตัวเอง ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ก็ยอมรับว่ามีคนเข้ามา แต่ยังไม่คิดว่าต้องสร้างครอบครัวใหม่ทันที" แมนกล่าวสรุป

ขอขอบคุณข้อมูล   :www.kapook.com
ความคิดเห็นส่วนตัว
ผูกเสี่ยวชอบทุกคำพูดของคุณโมจิ เพราะคำำพูดคุณโมจินั้นมันแฝงไปด้วยพลัง และหลายคำพูดทำให้ ผูกเสี่ยว นึกไปถึง ... บางคนชอบพูดว่า ไม่อยากรับรู้อะไร จากคำพูดของคุณโมจิ  อย่าย้อนกลับไปในอดีตที่ตัวเองเคยมีความทุกข์ ไม่อย่างนั้นเราจะมีแต่ความเจ็บเหมือนเดิม ปัจจุบันมันทำให้เรามีอนาคตที่สดใส มองตัวเองไปข้างหน้า อย่าย้อนกลับไปในอดีตอีก  ทำให้เรารู้ได้เลยว่า ... เรื่องบางเรื่องเราไม่อยากที่จะรับรู้มัน เเต่เราเลือกที่จดจำมัน เเล้วก็ปล่อยให้อดีตมาสร้างปมความเจ็บปวดให้เราไม่หาย เพราะเราเลือกที่จะรับรู้อย่างไม่ลืม เเล้วถือเอาเป็นอคติ เเละิทิฐิในใจเรา นั่นเอง 

        จากมุมมองของคุณเเมน ที่กล่าวว่า ผมอาจจะเปิดหนังสือเล่มหนึ่งนาน แต่เมื่อผมอ่านมันจบแล้ว ผมก็วางมันลง ซึ่งเมจิก็เช่นกัน   ทำให้เราเห็นภาพเลย .... ถ้าการที่เราจะใช้ีชีวิตคู่กับใครสักคนหนึ่งให้ยาวนานนั้น เราต้องเป็นเสมือนหนังสือที่อ่านไม่รู้จบ ต้องมีหลายๆ ภาค ... จนกว่าหนังสือเล่มหนึ่งเล่มนั้นจะกลายเป็นตำนานให้คนที่เปิดอ่านจดจำเเละอยากเปิดอ่านโดยไม่ีรู้เบื่อ
   
         ความรักของคู่นี้เรายอมรับเราชื่นชมมาก เเละเคยคิดที่อยากมีชีวิตคู่ให้เหมือนคู่นี้ ... ถึง ณ เวลานี้ ถึงคู่นี้ต้องเลิกกัน เราก็ได้เเต่หวังให้เค้าทั้งคู่ ได้พบเจอกับเส้นทางสายใหม่ที่ทำให้ทั้งคู่ต่างได้พบกับความสุขอีกครั้ง ...หรือไม่... วันนึงที่ทั้งคู่ต่างคนต่างไม่มีใคร ... วันนั้นทั้งคู่ก็จะกับมาบรรจบกันอีกครั้ง
 

ขอขอบคุณข้อมูล   :  www.komchadluek.net





แมน ศุภกิจ - เมจิ อโนมา ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตรักในอดีตผ่าน MV 'นาฬิกาหัวใจ'
 

ขอขอบคุณข้อมูล   :    AFfantasia


แมน&เมจิ (เพลง รักพาเราไป) 
 ขอขอบคุณข้อมูล   :    topeyes

    วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    จุดจบของความรัก เวียร์-แพน

    จุดจบของความรัก ของหลายคู่คนที่เรารู้จัก





           ซึ่งพวกเราเองไม่ต้องการเห็นจุดจบของพวกเค้าเหล่านั้น .... เลย  หลายๆ ครั้งคู่เลิกกันโดยมีเหตุเป็นของตนเอง ... ลองมองอดีตของอดีตคู่รัก ... เเล้วเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อประคองให้ชีวิตคู่


    •  เวียร์-แพน





     
    ขอขอบคุณข้อมูล   :   bacadique



    ปิดตำนานคู่ขวัญ "เวียร์" ศุกลวัฒน์-"แพนเค้ก" เขมนิจ เปิดปากเลิกแฟนสาวแล้ว หลังคบหาดูใจมา 4 ปี
    ปฏิเสธ "เป้" อารักษ์ เป็นมือที่สาม ด้านนางเอกสาวแจกเหตุลดความสัมพันธ์ มีเรื่องละเอียดอ่อนที่คุยไม่ลงตัว ขณะที่แม่แพนเค้กเผยเพราะฝ่ายชายปกป้องลูกสาวไม่ได้
    หลังจากความสัมพันธ์คลุมเครือมาพักใหญ่ สำหรับคู่รักชื่อดัง น.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือ "แพนเค้ก" กับพระเอกหนุ่ม นายศุกลวัฒน์ คณารศ หรือ "เวียร์" กระทั่งหลายคนจับตามองว่าทั้งคู่เลิกรากันแล้ว ล่าสุดพระเอกหนุ่มมาร่วมบวงสรวงเปิดกล้องละครเรื่อง "นางสาวจำแลงรัก" ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ พร้อมกับเปิดเผยถึงความสัมพันธ์กับนางเอกชื่อดังว่าได้ลดความสัมพันธ์ลงแล้ว

     "ใน วันงาน 7 สีคอนเสิร์ต ผมไม่ได้หนี แต่มีงานต่อที่พิษณุโลก แล้วไม่เกี่ยวกับว่าผมอัดอึดที่จะตอบเรื่องน้องแพน ส่วนที่แม่น้องบอกว่าความสัมพันธ์ของเรายังไม่ได้เริ่ม จะจบได้อย่างไร ตรงนี้ผมขอไม่ตอบดีกว่า ก็รู้สึกปกติ เราเองไม่ได้คิดอะไร ส่วนความสัมพันธ์กับน้องตอนนี้ เราก็ดูแลกันเหมือนเดิม เหมือนครอบครัว เป็นพี่ชายคนโตที่ดูแลน้องๆ ยังห่วงใยกันเหมือนเดิม กับธุรกิจ ร้านเทดดี้ เฮ้าส์ ตอนนี้ทางน้องก็ดูแลทั้งหมด ไม่เชิงว่าผมเสียสละหรอก เพราะ ตั้งแต่ต้นเราก็เริ่มต้นกันมา แต่เมื่อไม่มีเวลาเข้าไปดูแลเท่าไหร่ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ที่น้องกับแม่จะได้เข้ามาดูแลเต็มที่" พระเอกชื่อดังกล่าวเสียงเรียบ

     ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับกระแสแฟนคลับที่แอนตี้ แพนเค้ก เวียร์ กล่าวว่า ตอนนี้แฟนคลับของตนเริ่มนิ่ง ไม่มีอะไร เพราะทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ ถ้าอยู่เฉยๆ หากถามว่าเลิกกันหรือยัง จริงๆ ยังดูแลกันอยู่ ในฐานะที่เปลี่ยนไปเท่านั้นเอง ยังห่วงใยเหมือนเดิม ยังคุยกัน ส่งข้อความหากัน ตอนนี้ระดับความสัมพันธ์ไม่เหมือนก่อน ไม่ได้ศึกษาดูใจกันแล้ว และไม่เกี่ยวกับเรื่องมือที่สาม

     "ไม่ เกี่ยวกับเป้ (นายอารักษ์ อมรศุภศิริ) กับคุณแม่น้องแพน ยังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องกระแสข่าวเลย ผมก็มองว่าดี ยังไม่มีอะไรโหดร้าย กับแพนเค้กตอนนี้ทำงานหนัก ทำงานอย่างเดียว ถ้าถามเรื่องความรู้สึก เขาคงจะเข้าใจ เพราะเราได้คุยกันอยู่ตลอด ลึกๆ ผมไม่เคยเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา มันไม่ได้โหดร้าย ทุกอย่างยังดำเนินอยู่ ส่วนมีข่าวว่าผมย้ายออกจากข้างบ้านน้องเขาแล้วนั้น คงตามที่ให้ข่าว ตอนนี้ขอย้ำว่าโสดสนิท" เวียร์ กล่าว

     ขณะที่นางเอกสาว "แพนเค้ก" เขมนิจ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าตอนนี้ถือว่าเคลียร์แล้ว เพราะได้อ่านบทสัมภาษณ์ของฝ่ายชายแล้ว ตอนนี้เดินหน้ากันต่อไป ยังคงถามไถ่กันบ้าง แต่ต่างคนต่างทำงานกันมากกว่า ส่วนเรื่องของแฟนคลับของพระเอกหนุ่ม เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การที่เดินกันมาระยะหนึ่ง มันมีรายละเอียดหลายๆ อย่าง เป็นเรื่องหนึ่งของชีวิต ตอนนี้ตนต้องเดินต่อไปได้ กับ 4 ปีกว่าไม่ได้รู้สึกเสียดายเวลา เพราะมีสิ่งที่ดีๆ ที่ทำด้วยกันตลอด

    "ตอน นี้ยังเป็นพี่น้อง ความรู้สึกแบบนี้มันเข้มแข็งกว่า คนมองว่าเราเป็นคู่ขวัญ หากจะต้องทำงานร่วมกันก็ทำได้  เราเป็นนักแสดง มีหน้าที่เป็นนักแสดง เรื่องอื่นเป็นเรื่องภายนอก ส่วนโอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่นั้น เป็นปกติของชีวิต แพนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้น เราทำให้ดีที่สุด มันเป็นช่วงหนึ่งของการเดินทาง เราไม่ใช่ไม่เจอกัน แต่รูปแบบมันอาจจะเปลี่ยนไป" แพนเค้กกล่าวอย่างจริงจัง

     ทางด้านนางนวลนง จามิกรณ์ หรือ "แม่หน่อย" มารดาของนางเอกชื่อดังเผยว่า ตอนนี้เหมือนเป็นการเปลี่ยนเส้นทางเดินกันไป แต่ไม่ได้โกรธหรือเกลียดพระเอกหนุ่ม แต่การที่คนเราจะเป็นคู่หรือต้องศึกษากัน หากมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งเข้ามาให้กระทบจิตใจ และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่อีกฝ่ายดูแลไม่ได้ ปกป้องกันไม่ได้ แล้วจะไปดูแลอะไรได้ในอนาคต เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับตน

     "ตอนนี้ต่างคนต่างไปดำเนินชีวิตของตัวเองดีกว่า บ้านเราก็ยังเป็นบ้าน ยังเป็นครอบครัวเหมือนเดิม ถ้าเวียร์มา บ้านแม่ก็ไม่มีปัญหา ถ้าทำอะไรไม่ถูกเราก็พูดกัน แม่ไม่ได้โกรธเขา แต่เรื่องการดูแลมันไม่มีแน่นอน คนที่จะเดินไปด้วยกัน ต้องดูแลปกป้องได้ ถ้าปกป้องไม่ได้มันเสียเวลาเปล่า ส่วนหุ้นส่วนที่ร้านเท็ดดี้ เฮ้าส์ แม่พูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้ามีเหตุอะไร เราซื้อคืนกลับมาได้" แม่หน่อยกล่าว 



     ขณะที่นายอารักษ์ พระเอกหนุ่มที่ตกเป็นข่าวมือที่สาม กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่ทั้งคู่เลิกกัน เพราะตอนอยู่ในกองถ่ายละครเรื่อง "เธอกับเขาและรักของเรา" นางเอกชื่อดังไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร โดยส่วนตัวไม่ได้สนิทกัน ถึงขั้นที่จะไปถามเรื่องส่วนตัวได้ และไม่เข้าใจเหตุใดตนเข้าเกี่ยวข้องด้วย อาจจะเป็นเพราะกระแสของละครที่คนดูพยายามจับคู่มากกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่อยากเข้าไปยุ่งดีกว่า


     "ผม ว่าเรื่องนี้คงต้องรอดูกันไปว่าอะไรมันเป็นอะไรกันแน่ ส่วนตัวผมไม่พูดดีกว่า เพราะมันไม่เกี่ยวกับผม เวลาที่ผมตอบอะไรไป มันไปกระทบกับคนอื่น ซึ่งผมว่ามันก็ไม่ดีนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม กับข่าวเป็นมือที่สามผมไม่ได้ซีเรียส ผมว่ามันก็เป็นแค่ข่าว ตัวผมไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ผมพูดอะไรไปก็คงไม่ดี และไม่อยากให้มีผลกระทบกับใครด้วย เอาเป็นว่าหลายๆคนที่จับคู่ผมกับน้องเขา ก็อย่าจับเลยดีกว่า" ศิลปินหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง



    ขอขอบคุณข้อมูล   :    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2035869

    "เป้"เกี่ยวอะไรกับรักร้าวครั้งนี้



           เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านางเอกคนดัง "แพนเค้ก-เขมนิจ"เลิกรา กับพระเอก กวน มึน เมา "เวียร์-ศุกลวัฒน์"ไปเรียบร้อยแล้ว

    โดยล่าสุดหนุ่มเวียร์เป็นคนประกาศตัวว่า "โสดสนิท" หนําซ้ำยังให้สัมภาษณ์อีกว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจกับ "รักร้าง"แต่ อย่างใด เนื่องจากเป็นการจบกันด้วยดี ยังมีความรู้สึกดีๆ และยังดูแลกันเหมือนเดิม ซึ่งจากคําให้สัมภาษณ์ของพระเอกหนุ่มดูจะสวนทางกับการกระทําอย่างสิ้นเชิง เพราะเวียร์ได้ถอนหุ้นตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ เฮ้าส์ ออกมาแล้ว ตรงนี้อาจจะไม่แปลกเท่าไหร่เพราะ "คู่รักคู่อื่น"เมื่อรักถึงทางตันก็ต้องทําอย่างนี้เหมือนกันหมด แต่การที่พระเอกหนุ่มต้องย้ายออกจากบ้านที่ซื้อไว้ข้างๆ บ้านสาวแพนนั้นมีนัยที่ลึกลงไปหรือไม่ว่า เวียร์เข้าหน้า "ครอบครัวจามิกรณ์"ไม่ติดแล้ว?
       
    ยิ่งไปกว่านั้น "คุณแม่หน่อย-นวลนง"ของสาวแพนก็ให้ สัมภาษณ์ในทํานองที่ว่าหนุ่มเวียร์ไม่สามารถปกป้องและดูแลลูกสาวตนเองได้ การศึกษาดูใจกันก็ต้องจบลง ลูกสาวตนคงจะฝากชีวิตไว้กับคนแบบนี้ไม่ได้



    ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเชิงลึก ที่หน่วยสืบราชการรักดาราเดลี่แอบสืบทราบจากเพื่อนของแพนเค้กที่ม.เกษตรฯ ว่า อันที่จริง "แพน-เวียร์”เลิก กันมาได้ปีกว่าแล้ว  ส่วนสาเหตุที่พระเอกหนุ่มไม่ยอมเปิดปากบอกนั้น แหล่งข่าวเพื่อนแพนคันปากยิบๆ เล่าต่อว่าเป็นเพราะเวียร์ชอบเมาเป็นประจําไม่พอ ยังชอบโทรศัพท์มาอาละวาดสาวแพนบ่อยมากตอนกำลังได้ที่

    บางครั้งถึงขั้นขึ้นกู-มึง สาวแพนอยากเลิกหลายครั้ง แต่แหล่งข่าวเล่าต่ออีกว่าเพราะ บอสหญิงเหล็กแห่ง 7 สี "คุณแดง-สุรางค์"เบรกไว้ไม่ให้เลิก เนื่องจากละครเรื่อง "ด้วยแรงอธิษฐาน"ที่ "แพน-เวียร์"เล่นคู่กันกําลังจะออกอากาศ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทั้งแพนและเวียร์จึงฝืนทนทําเป็นว่ารักกันต่อกลบข่าว "รักร้าว"

    ในช่วงเวลาที่ "แพน-เวียร์"ระหองระแหงกันหนักนั้น มีชื่อของ "หมวดบีม" ครูสอนขี่ม้าเข้ามาเขย่าบัลลังก์รักของทั้งคู่ โดยแพนรู้จักครูบีมมาตั้งแต่อายุ 14 เนื่องจากครูบีมมาสอนขี่ม้าเพื่อไปแคสติ้งโฆษณา ฟากหมวดบีมก็ขํากับข่าวเพราะจริงๆ แล้วไม่มีอะไร?




    แม้จะมีความพยามที่จะกลับมาคืนดีกัน แต่ล่าสุดช่วง "แตกหัก"ของแพน-เวียร์ นักร้อง-พระเอกอินดี้  "เป้-อารักษ์"ก็เข้ามาเสียบเป็น(ข่าว) มือที่ 3 พอดีกับละคร "เธอกับเขาและรักของเรา"ออกอากาศทางช่อง 7 สี หลายคนเชื่อว่า "รักนอกจอ"ของ "เป้-แพน"เป็นแผนโปรโมทละคร

    แต่อีกหลายฝ่ายก็มั่นใจว่าเป้และแพนกิ๊กกันจริง เพราะมีฉากสวีทในละครเป็นใจให้สปาร์คกัน อีกทั้งมีกระแสว่า "แม่หน่อย"ปลื้มหนุ่มเป้มากมายไม่แพ้ลูกแพน ที่แหล่งข่าววงในแอบกระซิบว่าสาวแพนน่าจะมีใจให้หนุ่มเป้อยู่ไม่น้อย แต่ฟากพระเอกสุดเซอร์ก็ยืนยันเสียงแข็งว่า "รักกับแพนไม่มีทางเป็นไปได้”


    ขอขอบคุณข้อมูล   :   http://www.daradaily.com/news/26656/%22%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%22%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2/



    บานปลาย!! ‘แพนเค้ก’ เลิก ‘เวียร์’ จุดประเด็นร้อนแฟนคลับด่าซัดฝ่ายหญิง???  อ่านต่อ 

     

     





    เวียร์ @ เล่าข่าวบันเทิง 21-01-54


     


     

     ขอขอบคุณข้อมูล   : http://www.youtube.com/user/cityloveU


     

     








    จุดจบของความรัก เป้ย - เต็ม

    จุดจบของความรัก ของหลายคู่คนที่เรารู้จัก





           ซึ่งพวกเราเองไม่ต้องการเห็นจุดจบของพวกเค้าเหล่านั้น .... เลย  หลายๆ ครั้งคู่เลิกกันโดยมีเหตุเป็นของตนเอง ... ลองมองอดีตของอดีตคู่รัก ... เเล้วเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อประคองให้ชีวิตคู่


    •  เป้ย  -  เต็ม 



    เป้ย ปานวาด ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเลิกรากับหวานใจ เต็ม วุฒิสิทธิ์  สืบสุวรรณ แล้วจริง โดยการเลิกรากันครั้งนี้สาวเป้ยเผยว่าไม่มีมือที่สามมาเป็นตัวแปรแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะต้องการถอยระยะห่างความสัมพันธ์ ระหว่างกันและกันให้มากขึ้น โดยต้นเหตุลึกลึกของการเลิกราครั้งนี้น่าเพราะความไม่เข้าใจกันอันเนื่องมา จากถูกหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งขุดคุ้ยอดีตความรักของแต่ละฝ่ายทำให้ขัดแย้งกันขึ้นมานั่นเอง

    นอกจากนั้นสาวเป้ยยังเผยว่าตอนนี้มีความสุขดี ที่ผ่านมาถือว่าได้เรียนรู้กันมาระยะหนึ่ง พอถึงจุดหนึ่งก็พบว่ายังจูนเข้าหากันไม่ได้ ไม่ได้เกิดจากมือที่สามแน่นอน


    ขอขอบคุณข้อมูล   :    http://www.bbberry.net/webboard/viewthread.php?tid=2430


    เต็ม มึนเป้ยประกาศเลิกถาวร 09 12 54 04 

     


    เป้ยยอมรับเต็มเป็นแค่เพื่อน 13 12 54 05 

     

     

     ขอขอบคุณข้อมูล   : http://www.youtube.com/user/moomjung


     

     

     

    เราเข้ากันไม่ได้ เหตุผลยอดฮิต ของคนอยากเลิก


    .
    …..เมื่อ ความรักไปไม่รอด คุณกับคนรัก จะทำอย่างไรต่อไป…แน่นอนว่า เราก็ต้องดำเนินชีวิตของเราต่อไป แต่มันก็ต้องมีบ้างล่ะ ที่เราอาจจะรู้สึกเหงา หว้าเหว่ เคว้งคว้าง…โอ๊ะ หลายความรู้สึกแท้…
    …..ผู้หญิง เรานี่เข้าใจยากมากๆ เลย คุณสาวๆ รู้ตัวบ้างมั้ยคะ ยิ่งจะให้หนุ่มๆ ข้างกาย มาเข้าอกเข้าใจคุณไปซะทุกเรื่องด้วย ยิ่งยากใหญ่ เคยได้ยินมั้ยคะ ที่โบราณเค้าว่า แรกๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน แต่พอนานไป มันกลับไม่หวานเหมือนอย่างเคย…ไม่คนนึงเปลี่ยน อีกคนก็เปลี่ยนแทน ทำให้ความรู้สึกที่ว่า คนนี้แหละใช่ มันกลับเลือนหายไป
    …..เราเข้ากันไม่ได้ประโยคยอดฮิตที่หลายคู่มักใช้พูดเมื่อมีคนถาม ว่าชีวิตเป็นอย่างไร ทำไมถึง เลิกลา กันได้ ทั้งๆ ที่เห็นว่า รักกัน ปานจะกลืนกิน คนเคยอยู่ ขอเคยชิน อยู่ๆ กันไป อะไรๆ ที่เคยทำเหมือนเดิม นั่นจะเป็นตัวทำลาย ความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
    องค์ประกอบ หรือนิสัย ที่เป็นตัวทำลาย ความรัก ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อาจมาจาก นิสัยแบบนี้…
    icon  เอาแต่ใจตัวเอง แน่ นอน ไม่คุณ ก็คนรักของคุณนั่นแหละ ที่จะมีนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้โน่น ทำนี่ โดยที่ไม่ใส่ใจว่า อีกฝ่ายจะรู้สึก เป็นยังไง แล้วยิ่งถ้าหากว่ คุณทั้งคู่ มีนิสัย เอาแต่ใจทั้งคู่แล้ว นั่นยิ่งยากใหญ่ที่จะอยู่ร่วมกัน
    icon  ทำตัวเป็นเจ้าของมากเกินไป เว้นช่องว่างซะบ้าง ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องแสดงความรัก หรือ ความเป็นเจ้าของ ให้ใครต่อใครรับรู้หรอกว่า เขาเป็นของคุณ
    icon  หึงแบบไร้ขีดจำกัด โอ๊ะ โอ…คงเป็นเรื่องยาก หากจะไม่ให้หึง คนรักกันก็ต้องมีหึงหวงกันเป็นธรรมดา แต่มันจะน่ารำคาญ และน่าเบื่อ หากว่า หึงมากเกินไป หึงจนไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น 
    icon  บอกเลิกทุกครั้งที่ทะเลาะ มัน เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเลยนะคะ กับการบอกเลิก (นิสัยแบบนี้ มักจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า ที่ชอบบอกเลิก) จะให้เขาง้อ เอาแค่งอนๆ ก็พอแล้ว การบอกเลิกบ่อยๆ มันจะดีแค่ช่วงครั้งแรกๆ เท่านั้นค่ะ แต่มันจะเริ่มชินชา และทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ยขึ้น หากคุณบอกเลิกครั้งต่อไป ถ้าเลิกจริงขึ้นมา คุณนั่นแหละค่ะ ที่จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า…
    icon  ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น ไม่ ควรเลยค่ะ กับนิสัยแบบนี้ แคความรู้สึกของคนรักคุณบ้าง หากเขาทำกับคุณ คุณจะรู้สึกยังไง แต่ถ้าหากเขาทำกับคุณ ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาคืนนะคะ เพียงแค่คุณพูด ให้เขาได้คิดเท่านั้นก็พอแล้วล่ะคะ
    icon  เชื่อเพื่อนมากเกินไป อันนี้ เป็นเฉพาะบางคนนะคะ บางครั้งเพื่อนก็ไม่อยากให้คุณมีแฟน เพราะเพื่อนของคุณ อาจจะกลัวว่า เม่อคุณมีแฟน คุณจะกลายเป็นคนติดแฟนไปในทันที
    icon  โกรธแล้วไม่พูด จะโกรธมากมายแค่ไหน ก็ไม่ยอมปริปากพูด นี่คือเหตผล ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด และเบื่อหน่าย จะโกรธอะไร มากมายแค่ไหน เอ่ยปากบอกเขาไปเลยจะดีกว่าค่ะ หากว่าพูดแล้วไม่เข้าใจกัน ก็พักเรื่องนี้ไว้ แล้วห่างกันสักพัก จะช่วยได้
    icon  นัดแล้วไม่เป็นนัด เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เลทไปเลทมา อาการแบบนี้ สัญญาณไม่ดีแน่ ใครจะยอมรอนานๆ หลายๆ ครั้งล่ะคะ ถ้าหากว่าต้องรอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้เสียนิสัย ถ้าอยู่ด้วยกันไป คงต้องรอคอตลอดชีวิตแหงๆ…
    icon  พูดจาข่มกันต่อหน้าคนอื่น เล่นได้ แต่อย่าบ่อย บางที เรื่องเล่นๆ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะคะ
    icon  เรื่องโกหก ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ มันก็ถือเป็นนิสยที่ไม่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ คิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องจริงใจ จริงจังต่อกันสิคะ ดีที่สุด

     

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก  : http://women.mthai.com/rate-dating/88340.html